Uatu the Watcher ผู้เฝ้ามองสรรพสิ่งบนโลก

วันนี้แอดมินก็จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ Uatu the Watcher ผู้เฝ้ามองสรรพสิ่งบนโลก กระแสของ Guardians of the Galaxy ยังมีเรื่องอีกมากมายให้วิเคราะห์ และจับตาดูก้าวต่อไปของ Marvel Cinematic Universe โดยเฉพาะคานิโอ ของสแตนลี ในเรื่องนี้ที่มีการเฉลยแล้วว่า สแตนลีที่เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ของ Marvel ทุกเรื่อง คือตัวละครตัวเดียวกัน และการไปปรากฏตัวของสแตนลีในฉากนั้น ทำให้แฟนๆหลายคนสงสัยว่า สแตนลีคืออูอาตู หนึ่งในเผ่าพันธุ์วอเชอร์

ผู้เฝ้ามองโลกหรือไม่ แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอะไรก็ตาม ในวันนี้แอดมินจะพาทุกคนมารู้จักกับเผ่าพันธุ์เอเลี่ยนโบราณ ที่คอยเฝ้ามองสิ่งมีชีวิตต่างๆทั่วทั้งจักรวาล โดยเฉพาะอูอาตู ผู้รับที่เฝ้ามองเหตุการณ์บนโลกแต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับเขา แอดมินก็ต้องขอฝากไปติดตาม Fantomex กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้ แอดมินก็ต้องขอขอบคุณ betflik68 ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยค่ะ

ก่อนจะพูดถึงอูอาตู แอดมินต้องขอกลับไปเล่าย้อนถึงเรื่องราวที่ทำให้มนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์หนึ่งต้องผันตัวเองออกเป็นเดอะวอชเชอร์ หรือผู้เฝ้ามองกันสักหน่อยค่ะ ว่ามันมีสาเหตุอะไรกันแน่ แรกเริ่มเดิมทีเนี่ยพวกวอชเชอร์นั้น เป็นเผ่าพันธุ์โบราณที่มีความเจริญ ทั้งทางด้านเทคโนโลยี และระดับจิตใจ ถ้าถามว่าเจริญขนาดไหนน่ะหรอ พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่ต่อให้วางของมีค่าไว้แค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมย

การอาบรังสีดัลต้า ทำให้อ่อนเยาว์ และกระปรี้กระเปร่าไปอีก 100 ปี เรียกได้ว่าเป็นระดับความเจริญสูงสุดในทุกด้าน ที่สิ่งมีชีวิตในจักรวาล จะมีได้แถมยังก้าวล้ำยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์ในแดนขณะนั้นไปหลายขุม ซึ่งในเวลาต่อมา Ikor หนึ่งในสี่ผู้นำของเผ่าดันเกิดความคิดที่อยากจะแบ่งปันภูมิปัญญาที่พวกเขามี ให้กับเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า เขาจึงได้ชักชวนผู้นำอีกสามคนที่เหลือ ให้ดูดซับรังสีคอสมิค แล้วเปลี่ยนรูปแบบร่างกาย

ให้เป็นพลังงานพร้อมทะยานขึ้นสู่อวกาศ เพื่อค้นหาดาวเคราะห์ด้อยพัฒนา ในที่สุดทั้งสี่คน ก็ได้ค้นพบ ดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิต แต่ไม่มีเทคโนโลยีที่ดีนัก ดังนั้นพวกเขาทั้งสี่ จึงลงไปพูดคุยกับชาวโพลีสิครัสว่าพวกเรานำความลับของพลังงานนิวเคลียร์มาให้พวกท่านทั้งหลาย จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นับจากนี้พอพวกโพลีสิครัสได้ฟัง เขาอย่างนั้นก็ยินดี และเหล่าผู้นำทั้งสี่ ก็ทำการสอนวิธีใช้พลังงานนิวเคลียร์ให้

ก่อนจะจากไปค้นหาดาวดวงอื่นกันต่อ แต่หลังจากที่อีกอจากไปแล้ว แทนที่พวกโพลิซิคลัส จะนำความรู้ที่ได้ไปสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดประโยชน์ พวกเขากลับนำพลังงานนิวเคลียร์ ไปสร้างเป็นอาวุธทำลายล้าง พวกเดียวกันเอง จนเละวันเวลาผ่านไป จนกระทั่ง Ikor และผองเพื่อน บินผ่านดาวอีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดจึงชักชวนกัน แวะเวียนเข้าไปดูผลงานสักหน่อยว่า ดาวดวงนี้พัฒนาไปถึงไหนแล้ว 

แต่สิ่งที่พวกเขาได้พบก็คือ บ้านเมืองที่เป็นเศษซากหักพัง แถมยังโดนพวกโพลิซคลัสด่าทอให้อีกว่า เป็นสัตว์ประหลาด ที่เอาความลับพลังงานนิวเคลียร์ มาเผยแพร่ ทำให้ดาวของเขาพินาศย่อยยับ ผลตอบแทนของการกระทำในครั้งนี้เล่นเอา Ikor ถึงกับกุมขมับ และได้ตั้งปณิธานใหม่ว่า จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์อื่นๆอีก ทั้งยังส่งสมาชิกของเผ่าพันธุ์ตัวเองไปทั่วจักรวาล กลายเป็นวอชเชอร์เฝ้าดูความเป็นไป

ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่กฎเหล็กที่วอเชอร์ทุกคนจะต้องทำตามก็คือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วอชเชอร์จะต้องอยู่เฉยๆเท่านั้น ห้ามเข้าไปแทรกแซงเรื่องของเผ่าพันธุ์อื่นอย่างเด็ดขาด ซึ่งหลังจากที่เฝ้าดู และเก็บข้อมูลแล้วเราวอชเชอร์ก็จะกลับไปประชุมที่ดาวของพวกเขาเป็นระยะ เพื่อแบ่งปันเรื่องราวที่แต่ละคนพบเจอ ให้ผู้นำของวอชเชอร์ได้รับรู้ อูอาตูผู้เป็นบุตรชายของอีกอ คือหนึ่งในวอชเชอร์ที่ถูกส่งตัวมา และที่ที่เขาเลือก

จะเฝ้ามองก็คือดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ที่ชื่อว่าโลก รวมถึงระบบสุริยะจักรวาลของเรา เค้ายึดพื้นที่สีฟ้าของดวงจันทร์ เป็นที่อาศัย เอาเป็นว่าอุอาตูเฝ้ามองเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลก มาตั้งแต่สมัยโบราณ และถึงจะมีกฎห้ามแทรกแซงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์ที่เฝ้าดูอย่างเด็ดขาดก็ตาม แต่อูอาตูก็มักจะละเมิดกฏคอยช่วยโลกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม อย่างตอนที่ยานของเอเลี่ยนร่อนลงจอดบน

ดวงจันทร์ Xakku ก็ได้พบกับอูอาตู ตอนนั้นวอชเชอร์ก็เห็นแล้วว่า เจ้าหมอนี่ลักษณะจะไม่ได้มาอย่างเป็นมิตรแน่นอน ก็เลยเข้าไปชวนคุย หลังจากนั้นพอ Xakku ว่าเป็นพวกของวอชเชอร์ ก็เลยบอกแผนการว่าเค้าต้องการจะมาขโมยดวงอาทิตย์ของโลกไปไว้ที่ระบบสุริยะจักรวาลของตัวเอง เพราะในตอนนั้น ดวงอาทิตย์ที่พวกเขามีอยู่ กำลังมอดดับ ทำให้ดาวของเขาประสบปัญหาความหนาวเย็น แต่ไหนๆก็เล่าให้ฟัง

แล้วเค้าได้กำชับว่า ยังไงก็แล้วแต่ ห้ามอูอาตูยื่นมือเข้ามาสอดเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พออูอาตูได้ยินแผนชั่วเข้า เค้าก็เริ่มออกอุบายชวนคุยไปเรื่อย พอจะเริ่มดำเนินการ ก็ไหนบอกหน่อยซิว่า จะเคลื่อนย้ายพระอาทิตย์ไปยังไง พอจะขึ้นยานอวกาศ ก็ถามอีกว่าแหล่งพลังงานที่ใช้เป็นอะไร ก็ถามแบบนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนเจ้า Xakku ก็ช่างจ้อ ก็พูดซะยืดยาว จนกระทั่งยานอวกาศของเค้าจมลงไปในพื้นผิวที่นุ่ม 

เหมือนโคลนของดวงจันทร์ พอเป็นแบบนั้นเค้าที่ไม่สามารถขโมยดวงอาทิตย์ตามแผนได้ ก็ต่อว่าต่อขานอูอาตูซะยกใหญ่ พอฟังคำขอร้องอันน่าสงสารอูอาตูที่ใช้อุบายสำเร็จ ก็ได้แต่ทำหน้านิ่ง และตอบแบบเนิบๆว่าข้าคงช่วยเจ้าไม่ได้หรอก เพราะเราสัญญากันไว้ว่า อย่ายื่นมือเข้าไปสอดเด็ดขาด และข้าก็คงทำได้ แค่ยืนดูเฉยๆนั่นแหละ และนั่นแหละคือคำพูดสุดท้ายที่ Xakku ได้ยิน ก่อนที่วาระสุดท้ายของเขาจะมาถึงหลังจากนั้นอีกไม่นานค่ะ

แล้วสุดท้ายนี้ก่อนจากกัน แอดมินก็ต้องขอฝากเว็บไซต์ การ์ตูน มาให้ติดตามกันด้วยนะคะ อย่าพลาดความสนุกเชียวค่ะ